มารู้จักโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Novel Coronavirus)

By: | Tags: | Comments: 0 | มิถุนายน 5th, 2014

 

มารู้จักโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Novel Coronavirus)
             โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า คือ โรคติดเชื้อซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส ที่ทำให้เกิดอาการป่วยในคนและสัตว์ ซึ่งเชื้อไวรัสโคโรน่า มีสายพันธุ์ก่อให้เกิดอาการป่วยในคน ที่แสดงความรุนแรงต่างกัน ตั้งแต่เป็นไข้หวัดธรรมดา จนถึงสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส  เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส พบการระบาดปี ค.ศ. 2003 โดยพบเริ่มจากประเทศจีนแล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก พบรายงานผู้ป่วยโรคซาร์สทั้งสิ้นมากกว่า 8,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 750 ราย แต่ขณะนี้ (ปี ค.ศ. 2013) ไม่พบการระบาดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือ โรคโคโรน่า 2012 นี้ ไม่ใช่โรคซาร์ส เป็นคนละโรคกัน เนื่องจากมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าคนละสายพันธุ์
             โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 ในต่างประเทศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 องค์การอนามัยโลก รายงานพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 แล้ว รวมผู้ป่วย 262 ราย เสียชีวิต  93 ราย  คิดเป็นอัตราการป่วยตาย ร้อยละ 35.50 โดยพบรายงานผู้ป่วยทั้งหมด จาก 15 ประเทศ ดังนี้ จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส ตูนีเซีย เยอรมนี อิตาลี โอมาน คูเวต มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กรีซ และอียิปต์  โดยผู้ป่วยทั้งหมดมีความสัมพันธ์      (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) กับประเทศทางตะวันออกกลาง สำหรับในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี  ตูนีเซีย และอังกฤษ เกิดการติดเชื้อในวงจำกัด โดยเกิดกับผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติการเดินทางไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง แต่มีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันหรือผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

 

ระยะฟักตัวของโรค
              เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะแสดงอาการ เมื่อใดหลังจากติดเชื้อ แต่สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไป โดยเฉลี่ยมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 วัน

 

การติดเชื้อไวรัสโคโรน่า จะมีอาการอย่างไร?
              ผู้ป่วยที่ยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่า โดยทั่วไป จะมีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจค่อนข้างรุนแรงและเฉียบพลัน มีอาการไข้ ไอ หายใจหอบและหายใจลำบาก ซึ่งผู้ป่วยเกือบทุกราย จะมีภาวะปอดบวม นอกจากนี้ในผู้ป่วยอีกจำนวนมาก จะมีอาการในระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องเสีย ร่วมด้วย ผู้ป่วยบางรายมีภาวะไตวาย ซึ่งในจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดจะเสียชีวิต  หรือบางรายรุนแรงอาจมีระบบหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน  เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

 

วิธีการกระจายของโรค
               ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด อนุมานว่าการติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ ถ้าจะสามารถติดต่อจากคนสู่คน น่าจะผ่านทางฝอยละออง (Droplet) ได้แก่ น้ำมูก น้ำลายจากผู้ป่วยที่มีเชื้อไปยังบุคคลอื่น โดยการไอ หรือจาม และการสัมผัส (Contact) กับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนการแพร่กระจายทางอากาศ (Airborne) มีโอกาสเป็นไปได้แต่น้อย

 

การป้องกัน
               การรักษาเหมือนการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสชนิดอื่น ๆ คือ ไม่มียาต้านไวรัสในการรักษาผู้ป่วย การรักษาเป็นแบบ ประคับประคองและการรักษาตามอาการของผู้ป่วย และขณะนี้ไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ดังนั้นเราจึงอาจป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้นโดยปฏิบัติดังต่อไปนี้
               1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสปศุสัตว์มีชีวิตหรือสัตว์ป่าในกรณีที่เดินทางไปในประเทศในตะวันออกกลาง
               2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ หรือจาม
               3. ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ก่อนรับประทานอาหาร และหลังขับถ่าย
               4. ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด หรือที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก หากจำเป็นต้องเข้าไปควรใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค
               5. แนะนำให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกเวลา ไอ หรือจาม
               6. ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
               7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม  และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อไวรัส

 

               สำหรับประเทศไทย แม้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา  จะมีการรายงานข่าวว่าทาง สสจ.จังหวัดภูเก็ตจะสั่งเฝ้าระวังโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เพิ่ม หลังพบนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เดินทางกลับจากซาอุฯ ป่วยเสียชีวิต  แต่สำหรับ ประเทศไทยก็ “ยังไม่พบ” การแพร่ระบาดของโรคนี้แต่อย่างไร เราจึงยังไม่ควรตื่นตระหนกหรือเครียดกับโรคนี้จนเกินไป  หากแต่ในตอนนี้สิ่งที่พึงกระทำก็คือ การศึกษาข้อมูลการป้องกัน และดูแลรักษาเบื้องต้นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือในการป้องกันตนเอง และสมาชิกในครอบครัวให้ปลอดภัยจากโรคร้ายด้วยความไม่ประมาท

 

หมายเหตุ  : ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่กระจาย และการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่  2012 ในกรณีเดินทางไปประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้ที่ เวปไซด์ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่

 

กรมควบคุมโรคติดต่อ http://beid.ddc.moph.go.th/th_2011/news.php?items=668